ขึ้นชื่อว่าละครเพลง ก็ชื่อว่าหลาย ๆ คนในหลากยุคสมัยคงมีภาพจำที่แตกต่างกัน บางคนอาจนึกถึงรุ่นสมัยมนต์รักลูกทุ่งที่ทำเอาเพลง “สิบหมื่น” กลายเป็นอีกหนึ่งดาวที่ค้างฟ้า เป็นเพลงอมตะที่ถูกนำมาร้องกันในทุกยุคทุกสมัย หรือ สะใภ้ไร้ศักดินา ที่ทำเอาร้องโดเรมีซอลลากันทั้งประเทศ นอกจากนั้นยังมี เบญจา คีตา ความรัก หรือใหม่ขึ้นมาอีกก็คงเป็น ข้ามเวลาหารัก ซึ่งแต่ละเรื่องก็ล้วนแล้วแต่มีเพลงอันเป็นเอกลักษณ์ประจำเรื่องที่ทำให้ลูกเล็กเด็กแดง ไม่ว่าใครในเวลานั้นต้องหัดร้องตามกันเป็นแถว ไม่เคยร้องก็ต้องเคยฟัง {...}
Related Posts
เพลงที่ทำให้เราเจ็บแต่เราก็ไม่จำ
หากจะกล่าวถึงละครซีรีส์ หรือละครชุดที่ออกอากาศต่อเนื่องเป็นตอน ๆ นั้น บางคนอาจจะมองว่าเป็นเพื่อนช่วยฆ่าเวลาคลายเหงา แต่บางคนกลับใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเพื่อติดตามในแต่ละตอนให้จบไม่ให้ค้างคา เพราะในแต่ละตอนจบของละครซีรีส์มักจะทิ้งปมให้ผู้ชมต้องคอยติดตามต่อ สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ชมละครซีรีส์มีความรู้สึก “อิน” ไปกับเนื้อเรื่องที่จะแทรกเข้ามาในช่วงจังหวะที่สำคัญนั่นคือ “เพลงประกอบละครซีรีส์” และครั้งนี้จะพาไปพบกับเพลงที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเจ็บไปกับตัวละครและย้อนดูว่าทำไมเจ็บแล้วไม่จำ 3 เพลง เพลง “เจ็บที่ยังรู้สึก” ขับร้องโดย นนท์-ธนนท์ จำเริญ เนื้อร้อง-ทำนองโดย {...}
อินโดนีเซีย สวรรค์ของวงดนตรีต่างประเทศ
ถ้าพูดถึงอินโดนีเซียประเทศร่วมภูมิภาคของเราหลายคนคงนึกถึงดินแดนที่วัฒนธรรมโดดเด่น ฟุตบอลทีมชาติที่ห้ำหั่นกับทีมชาติไทยมาตลอด ประเทศที่อุดมไปด้วยหมู่เกาะและธรรมชาติที่สวยงามหรือแม้แต่คอการเมืองที่นึกภาพประเทศซึ่งถูกนักการเมืองทำร้ายอย่างแสนสาหัส ไม่ว่าภาพที่หลายคนนึกออกจะเป็นเช่นไรแต่เรื่องลึกๆ ที่หลายคนอาจไม่ทราบมาก่อนเกี่ยวกับดินแดนอิเหนาคือวงดนตรีสากลระดับโลกนิยมจัดคอนเสิร์ตบนแผ่นดินนี้ไม่แพ้ประเทศใหญ่ๆ ของโลกเลยทีเดียว อินโดนีเซียจัดอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ประชากรส่วนใหญ่ค่อนข้างยากจน อุตสาหกรรมหลักของประเทศคือการผลิตยาสูบและการท่องเที่ยวด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ถ้าจะบอกว่าหากนำคอนเสิร์ตจากวงดนตรีระดับโลกไปจัดที่นั่นและการันตีว่าบัตรขายหมดแน่นอนหลายคนอาจจะไม่เชื่อแต่นี่คือเรื่องจริง อินโดนีเซียคือประเทศที่วงดนตรีต่างชาตินิยมเปิดคอนเสิร์ตไม่ว่าจะเป็นวงดังระดับโลกหรือวงหน้าใหม่ที่เพิ่งสั่งสมชื่อเสียงก็ล้วนแล้วแต่การันตีได้ว่าประสบความสำเร็จในด้านยอดจำหน่ายตั๋วอย่างแน่นอน ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะในสังคมของอินโดฯไม่เหมือนประเทศอื่น ความนิยมหรือป็อปคัลท์เจอร์ของยุคสมัยอย่างดนตรี แฟชั่น และสื่อบันเทิงแทบทุกแขนงสามารถกำหนดไดเร็คชั่นได้โดยกลุ่มคนไม่กี่กลุ่มจากนั้นความนิยมเหล่านี้จะแพร่หลายออกไปทั่วทั้งประเทศยกตัวอย่างเช่นหากนิตยสาร เซเล็บหรือนักแสดงออกมาแนะนำคอนเสิร์ตของศิลปินสักคนวัยรุ่นที่ค่อนข้างมีฐานะก็จะแห่กันไปดูเพราะอยากกระทบไหล่ดาราและอยากรู้สึกว่าอยู่ในระดับเดียวกับคนมีชื่อเสียง ในขณะที่วัยรุ่นทั่วไปในอินโดฯก็จะตามกระแสนิยมของบรรดาวัยรุ่นฐานะดีอีกที การส่งต่อความนิยมไปเป็นทอดๆ นี้ทำให้ศิลปินมั่นใจได้ว่าหากซื้อพื้นที่สื่อได้ความสำเร็จไม่หนีไปไหนอย่างแน่นอน แดนสวรรค์ของวงดนตรีต่างชาติเช่นนี้เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายทั้งนักท่องเที่ยว ชาวอินโดนีเซียเอง {...}