เพลงประกอบละครความหมายดี ที่สอนใจคนดู
ละครดัง 2 เรื่องที่มีเนื้อหาต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ตัวดำเนินเรื่องหลักเป็นผู้หญิงที่เป็นพี่น้องกันแยกไปมีครอบครัว และแต่ละครอบครัวของเธอนั้นเป็นที่มีของเรื่องราวในละคร ละครที่กล่าวมาเป็นละครเรื่องใดไม่ไปได้นอกจาก “สุดแค้นแสนรัก” ที่มี “แม่แย้ม” และ “กรงกรรม” ที่มี “แม่ย้อย” เป็นแกนกลางของเรื่อง โดยออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สำหรับเรื่องราวของทั้ง 2 เรื่องหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดี เพราะกระแสของละครทั้ง 2 เรื่องดีมากและได้รับการกล่าวถึงในวงกว้าง ดังนั้นครั้งนี้จะพาไปรู้จัก และตีความกับเพลงประกอบละครสองเพลงดีที่สอนใจผู้ชมละคร ได้แก่เพลง “แพ้รัก” และ “ใจสีเทา”
เพลง “แพ้รัก” ร้องโดย แนน วาทิยา คำร้อง โดย วัลยา พระคุ้มครอง ทำนองและเรียบเรียง โดย เรืองกิจ ยงปิยะกุล น้ำเสียงหวาน ๆ ของ “แนน วาทิยา” ประกอบละครเรื่อง “สุดแค้นแสนรัก” เจ้าของบทเพลงนี้ทำให้เข้าใจกระจ่างแจ้งเลยว่า ทุกคนต่อให้จะหนีอย่างไร ก็หนีไม่พ้นความรัก เนื้อเพลงไม่เพียงสอดแทรกแนวคิดดี ๆ เกี่ยวกับความรักไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน ไม่เคยมีใครเอาชนะหรือหลีกหนีได้ สุดท้ายต้องพ่ายแพ้ให้กับความรักอยู่ดี ความรักทำให้สิ่งที่มีแปรผันเปลี่ยนไปตามอารมณ์ ไม่ต่างจากการไม่มีสติตามคำสอนของพุทธศาสนา ดังนั้นทำให้เมื่อเวลาฟังเพลงนี้แล้วย้อนนึกคิดตามจะทำให้เรามีสติมากขึ้น ไม่พ่ายแพ้ต่อกิเลสของมนุษย์ที่มีมากมายเหลือเกิน เปรียบกับความรักถึงแม้จะพยายามต่อสู้กับมัน เอาชนะให้ได้ แต่สุดท้ายการพ่ายแพ้นั้นสอนให้เรารู้จักปลงมากขึ้น พร้อมที่จะอยู่กับมัน และไม่ทำให้จมปรักอยู่กับความทุกข์เพราะพิษรักนั้น
เพลง “ใจสีเทา” ร้องโดย เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข คำร้อง มณฑวรรณ ศรีวิเชียร ทำนอง เรืองกิจ ยงปิยะกุล เรียบเรียง บุรินทร์ สุภัครพงษ์กุล ประกอบละครเรื่อง “กรงกรรม” เพลงนี้ขึ้นต้นด้วยเรื่องของกรรม และการกระทำที่แต่ละคนเป็นเริ่มลงมือกระทำเองซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่มีดีมีเลวปะปนกัน ดังเนื้อเพลงที่กล่าวว่า “หัวใจเราเป็นสีเทา ขาวและดำในบางครั้ง ทั้งเลวดีอยู่ด้วยกัน” สุดท้ายไม่ใช่เพียงจะให้ผู้ฟังเพลงก้มหน้ายอมรับแต่โชคชะตากรรม และโทษว่าเป็นเพียงกรรมที่ทำ เพียงแต่ให้ยอมรับแล้วพร้อมที่จะเลือกทางเดินข้างหน้า เพราะสุดท้ายกรรมที่เกิด ก็เกิดจากการกระทำของแต่ละคนซึ่งเป็นไปตามหลักของพระพุทธศาสนาที่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นล้วนเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน
ทั้ง 2 เพลงจาก 2 ละครดังนอกจากจะฟังเพื่อความไพเราะ และเข้าถึงความรู้สึกของตัวละคร เพราะเมื่อไรที่เราฟังเพลงเหล่านั้นเราจะจดจำตัวละครที่ประกอบเพลงนั้นได้ทันที เพลงเหล่านี้ยังคงสอนการดำเนินชีวิตของแต่ละคน โดยเฉพาะการนำหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามาประกอบเพื่ออธิบายให้เข้าใจความเป็นไปของชีวิตได้มากยิ่งขึ้น